ปัจจัยในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ

ปัจจัยในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ ในการเลือกซื้อมือถือนั้น นอกจากเรื่องของรูปร่างหน้าตาแล้ว การพิจารณาสเปคเครื่องก็เป็นอีกจุดที่ควรให้ความสนใจด้วยเช่นกัน เพราะสเปค ความแรง คุณสมบัติ และประสิทธิภาพของตัวเครื่องถือเป็นจุดที่จะบ่งชี้เลยว่ามือถือแต่ละเครื่องจะรองรับการใช้งานได้ครอบคลุมขนาดไหน รวมถึงยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาด้วย ดังนั้นการพิจารณาสเปคจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเลือกมือถือมาตลอด โดยเฉพาะในยุคของสมาร์ตโฟนนับตั้งแต่แรกเริ่มมาจนถึงปัจจุบัน

ในการเลือกซื้อมือถือนั้น นอกจากเรื่องของรูปร่างหน้าตาแล้ว การพิจารณาสเปคเครื่องก็เป็นอีกจุดที่ควรให้ความสนใจด้วยเช่นกัน เพราะสเปค ความแรง คุณสมบัติ และประสิทธิภาพของตัวเครื่องถือเป็นจุดที่จะบ่งชี้เลยว่ามือถือแต่ละเครื่องจะรองรับการใช้งานได้ครอบคลุมขนาดไหน รวมถึงยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาด้วย ดังนั้นการพิจารณาสเปคจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเลือกมือถือมาตลอด โดยเฉพาะในยุคของสมาร์ตโฟนนับตั้งแต่แรกเริ่มมาจนถึงปัจจุบัน

การอ่านสเปคมือถือ
ปกติแล้ว ข้อความที่ผู้ขายมักใช้ในการโฆษณาสเปคมือถือมักจะใช้ข้อความสั้น ๆ อาจจะเนื่องจากพื้นที่เขียนมีน้อย หรือต้องการใส่ข้อมูลเข้าไปให้ได้มากที่สุด จึงทำให้เราได้เห็นการย่อสเปคให้สั้นลง ซึ่งถ้าใครที่เป็นมือใหม่ หรือไม่ได้เชี่ยวชาญก็อาจจะงงได้ว่าที่คนขายเขียนนั้นหมายถึงอะไร ตัวอย่างก็เช่น

ที่หัวข้อจากในภาพข้างบนจะมีการใส่สเปคแบบคร่าว ๆ เอาไว้ ซึ่งจุดที่น่าสนใจก็ได้แก่

4GB + 64GB

ตรงนี้เป็นจุดที่บอกปริมาณหน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง โดยเลขตัวที่น้อยกว่า (4GB) จะหมายถึงแรม ที่เป็นหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูลชั่วคราวเพื่อการทำงานของเครื่อง และตัวเลขที่มากกว่า (64GB) จะหมายถึงพื้นที่เก็บข้อมูล หรือที่มักเรียกกันว่ารอม ซึ่งไว้ใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้ในเครื่อง เช่น ระบบปฏิบัติการ แอป/เกมที่ติดตั้ง รูปภาพ วิดีโอ

แน่นอนว่าหน่วยความจำทั้งสองแบบนี้ ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งดี ด้านของแรมจะเปรียบเสมือนกระดาษทดเลข ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งรองรับการทำงานของหลายแอปพร้อมกันได้มากขึ้น สลับแอปไปมาได้สะดวก ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูล (รอม) ถ้ายิ่งมีเยอะ ก็ยิ่งทำให้โหลดแอปได้มากขึ้น เก็บรูปได้มากขึ้นเป็นต้น

สำหรับการเขียนบอกปริมาณแรมและหน่วยความจำนั้น นอกจากจะเขียนเต็มแบบข้างต้นแล้ว บางทีเราอาจเจอการย่อเหลือเพียงแค่ 4+64 หรือ 4/64 เท่านั้น แต่หลักการอ่านก็ยังเหมือนเดิมครับ

หน้าจอขนาด 6.35 นิ้ว FHD+

เป็นจุดที่บอกขนาดหน้าจอเมื่อวัดตามแนวทะแยง ว่าสามารถวัดได้ 6.35 นิ้ว ส่วนคำว่า FHD+ นั้นคือระดับความละเอียดของหน้าจอครับ ย่อมาจาก Full HD+ ซึ่งก็คือความละเอียดที่เกินระดับ Full HD ขึ้นไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงระดับ QHD หรือ 4K อันเป็นระดับความละเอียดที่พบได้ค่อนข้างมากในมือถือยุคปัจจุบัน

แบตเตอรี่ 5,000 mAh

โดยทั่วไปจะใช้บ่งบอกความจุของแบตเตอรี่ในเครื่อง ซึ่งพิจารณาแบบง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งตัวเลขนี้เยอะ ก็เท่ากับมือถือเครื่องนั้นมีแบตความจุสูง แต่การที่มือถือแบตความจุสูงนั้น ไม่ได้หมายถึงว่ามือถือเครื่องนั้นจะแบตอึด ใช้งานได้นานเสมอไปนะครับ ยังมีปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น อัตราการกินไฟของฮาร์ดแวร์ ลักษณะการใช้งาน และสภาพแวดล้อมระหว่างการใช้งานด้วย

กล้องหน้า 16MP

บ่งบอกถึงความละเอียดของภาพถ่ายที่ได้จากกล้องหน้า ว่ามีความละเอียดสูงสุดที่ 16 ล้านพิกเซล (MP = Million Pixels) ยิ่งเลขเยอะ ก็จะทำให้ภาพดูมีรายละเอียดมากขึ้น ถ่ายแล้วซูมดูในภาพได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ตัวเลขความละเอียด ไม่ได้บ่งบอกถึงคุณภาพทั้งหมดของกล้องในมือถือแต่ละรุ่นนะครับ เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย จนทำให้บางครั้ง มือถือรุ่นที่มีกล้องความละเอียดน้อยกว่า แต่ยังให้ภาพที่คุณภาพดีกว่าได้เหมือนกัน

กล้องหลัง AI 3 ตัว

เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่มือถือยุคนี้จะมาพร้อมกล้องหลังมากกว่า 1 ตัว พร้อมระบบ AI ที่เป็นซอฟต์แวร์ซึ่งทำงานร่วมกับชิปในเครื่อง ช่วยประมวลผลภาพให้ออกมามีคุณภาพดีขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ขายก็มักจะนำเรื่องจำนวนกล้องขึ้นมาเป็นหนึ่งในจุดขายครับ แต่ถ้าจะเลือกซื้อมือถือซักเครื่อง คงต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันหน่อย ว่ากล้องแต่ละตัวนั้นเป็นเลนส์แบบไหนบ้าง แล้วมันเหมาะกับการใช้งานที่เราต้องการหรือเปล่า ซึ่งจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป